ยินดีต้อนรับ

คลิกที่รูป เพื่อเอาโค้ดรูปนี้ไปแปะ

เกี่ยวกับฉัน

บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่14

วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2557
                          อาจารย์ของดการเรียนการสอน เนื่องจากอาจารย์มีภารกิจต้องพารุ่นพี่ชั้นปีที่4ไปเข้าค่ายที่จังหวัดสุราษฏร์ธานี

บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่13

วันที่ 30 มกราคม 2557

การดูแลรักษาและส่งเสริมพัฒนาการเด็กที่มีความต้องการพิเศษ
ดาวซินโดรม
-รักษาตามอาการ
-แก้ไขความผิดปกติร่วมด้วย
-ให้เด็กช่วยเหลือตนเองได้ในชีวิตประจำวัน และอยู่ในสังคมได้ใกล้เคียงกับคนปกติมากที่สุด
-เน้นการดูแลแบบองค์รวม (Holistic Approach)
1.ด้านสุขภาพอนามัย
บิดามารดา พาบุตรไปพบแพทย์ ตั้งแต่แรกเริ่ม ติดตามอาการเป็นระยะๆ
2.การส่งเสริมพัฒนาการ
เด็กกลุ่มอาการดาวน์สามารถพัฒนาได้ถ้าได้รับการฝึกสอนที่เหมาะสม
3.การดำรงชีวิตประจำวัน
ฝึกให้ช่วยเหลือตนเองมากที่สุด
4.การฟื้นฟูสมรรถภาพเด็ก
-การฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์ เช่น การฝึกพูด กายภาพบำบัด กิจกรรมบำบัด
-การฟื้นฟูสมรรถภาพทางการศึกษาโดยจัดทำแผนการศึกษาเฉพาะบุคคล (IEP)
-การฟื้นฟูสมรรถภาพทางสังคม เช่น การฝึกทักษะกาดำรงชีวิตประจำวัน
-การฟื้นฟูสมรรถภาพทางอาชีพโดยการฝึกอาชีพ
การเลี้ยงดูในช่วง3เดือนแรก
-ยอมรับความจริง
-เด็กกลุ่มอาการดาวน์มีพัฒนาการเป็นขั้นตอนเช่นเดียวกับเด็กทั่วไป
-ให้ความรักความอบอุ่น
-ตรวจภายใน หามะเร็งปากมดลูก
-คุมกำเนิด ทำหมัน
-การสอนเพศศึกษา
-ตรวจโรคหัวใจ
การส่งเสริมพัฒนาการ
-พัฒนาทักษะด้านต่างๆ เช่นคณิตศาสตร์ ภาษา
-สามารถปรับตัวและช่วยเหลือตนเองได้มากขึ้น
-สังคมยอมรับมากขึ้น ไปเรียนร่วมหรือเรียนรวมได้
-ลดปัญหาพฤติกรรม
-คุณภาพชีวิตดีขึ้น สามารถแก้ปัญหาและทำงานดีขึ้น
……………………………………………………………….
ออทิสติก
ส่งเสริมความเข้มแข็งของครอบครัว
-ครอบครัวมีบทบาทสำคัญที่สุดในกระบวนการดูแลและช่วยเหลือเด็กออทิสติก
ส่งเสริมความสามารถของเด็ก
-การเสริมสร้างโอกาสให้เด็กได้เล่นของเล่นที่หลากหลาย
-ทำกิจกรรมที่หลากหลาย
-การปรับพฤติกรรมและฝึกทักษะทางสังคม
-เพิ่มพฤติกรรมที่เหมาะสมและลดพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม
-การให้แรงเสริม
การฝึกพูด
-โดยเฉพาะในรายที่มีพัฒนาการด้านภาษาและการสื่อความหมายล่าช้า
-ถ้าเด็กพูดได้เร็ว โอกาสที่เด็กจะมีพัฒนาการด้านภาษาใกล้เคียงเหมือนกับเด็กปกติจะมีเพิ่มมากขึ้น
-ลดภาษาที่ไม่เหมาะสม
-ช่วยลดพฤติกรรมที่ก้าวร้าวที่เกิดจากการไม่สามารถสื่อความหมายที่ต้องการได้
-การสื่อความหมายทดแทน (AAC)
การส่งเสริมพัฒนาการ
-ให้เด็กมีพัฒนาการเป็นไปตามวัย
-เน้นในเรื่องการมองหน้า การสบตา การมีสมาธิ การฟัง การทำตามคำสั่ง
-ส่งเสริมพัฒนาการด้านอื่นที่ล่าช้าควบคู่กับพัฒนาทักษะด้านการสื่อสาร สังคม และการปรับพฤติกรรม
การฟื้นฟูสมรรถภาพทางการศึกษา
-เพิ่มทักษะพื้นฐานด้านสังคม การสื่อสาร และทักษะทางความคิด
-แผนการจัดการศึกษา เฉพาะบุคคล
-โรงเรียนร่วม ห้องเรียนคู่ขนาน
การฟื้นฟูสมรรถภาพทางสังคม
-ทักษะในชีวิตประจำวัน และการฝึกทักษะทางสังคม
-ให้เด็กสามารถทำได้ด้วยตนเองเต็มความสามารถ โดยต้องการความช่วยเหลือน้อยที่สุด
การรักษาด้วยยา
-Metheylphenidate (Ritalin) ช่วยลดอาการไม่นิ่ง/ซน หุนหันพลันแล่น/ขาดสมาธิ
-Risperidone /Haloperidol ช่วยลดอาการอยู่ไม่นิ่ง หงุดหงิด หุนหันพลันแล่น พฤติกรรมซ้ำๆ ก้าวร้าวรุนแรง
-ยาในกลุ่ม Anticonvulsant (ยากันชัก) ใช้ได้ผลกับรายที่มีพฤติกรรมทำร้ายตนเอง
การบำบัดทางเลือก
-(AAC) การสื่อความหมายทดแทน
- (Art Therapy) ศิลปกรรมบำบัด
-(Music Therapy)ดนตรีบำบัด
-(Acupuncture) การฝังเข็ม
-(Animal Therapy) การบำบัดด้วยสัตว์
พ่อแม่
-ลูกต้องพัฒนาได้
-เรารักลูกของเรา ไม่ว่าเขาจะเป็นอย่างไร
-ถ้าเราไม่รักแล้วใครจะรัก
-หยุดไม่ได้
-ดูแลจิตใจและร่างกายของตนเองให้แข็งแรง
-ไม่กล่าวโทษตนเองหรือคู่สมรส
-ควรหันหน้าปรึกษากันในครอบครัว
……………………………………………………………………..

หลังจากที่เรียนเสร็จแล้ว อาจารย์ก็เปิดวีดีโอ ของ ราชานุกูล เรื่อง กิจกรรมบำบัดเด็กสมาธิสั้น ให้นักศึกษาได้ดู แล้ววิเคราะห์ว่าได้อะไรจากวีดีโอที่ได้ดูไปนั้นนักศึกษาได้รับความรู้อะไร

บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่11

วันที่ 16 มกราคม 2557

ไม่มีการเรียนการสอนเนื่องจากสถานการณ์ชุมนุมทางการเมือง

บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่10

วันที่ 9 มกราคม 2557

วันนี้นำเสนองานกลุ่มซึ่งนำเสนอเรื่องต่างๆดังต่อไปนี้
โรค LD
      หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า LD กันมาบ้างแล้ว LD หรือ Learning Disabilities เป็นกลุ่มที่มีความบกพร่องในทักษะการเรียนรู้เฉพาะด้าน ที่แสดงออกมาในรูปของปัญหาการอ่านหนังสือ การเขียนหนังสือ การสะกดคำหรือการคำนวณ ทำให้เด็กมีผลการเรียนต่ำกว่าระดับเชาว์ปัญญา ซึ่งไม่ได้เกิดจากอวัยวะพิการ ภาวะปัญญาอ่อน ปัญหาทางอารมณ์หรือการขาดโอกาสในการเรียนรู้ แต่เป็นผลโดยตรงที่มาจากสมองทำงานบกพร่องไป         การช่วยเหลือทางการแพทย์  เนื่องจากโรค LD สามารถเกิดรวมกับโรคอื่นๆได้บ่อย เช่น โรคสมาธิสั้น ดังนั้นแพทย์จึงมีบทบาทในการประเมิน วินิจฉัยภาวะต่างๆที่เด็กมี ร่วมถึงให้การรักษาภาวะเหล่านั้น เช่น โรคสมาธิสั้น หากได้รับยาช่วยสมาธิ อาการของโรคก็จะดีขึ้นมาก การช่วยเหลือทางการศึกษา  โรงเรียนควรจัดทำแผนการเรียนรายบุคคลให้สอดคล้องกับระดับความบกพร่องของเด็กแต่ละด้าน โดยทำความเข้าใจกับครูถึงปัญหาและความบกพร่องของเด็ก เน้นการสอนเสริมในทักษะที่บกพร่อง เช่น การสะกดคำ อ่าน เขียนสอนเป็นกลุ่มย่อยหรือตัวต่อครั้งละ 30-45 นาที สัปดาห์ละ 4-5 วัน การช่วยอ่านบทเรียนให้ฟัง เพื่อให้เด็กได้เนื้อหา ความรู้ ได้เร็วขึ้น การให้เวลาในการทำสอบเพิ่มขึ้น เพื่อให้เด็กมีเวลาเพียงพอในการ อ่านโจทย์ และเขียนตอบ จะช่วยให้เด็กเรียนได้ดีขึ้น และควรส่งเสริมทักษะด้านอื่นๆ ที่เด็กสนใจ เช่น ดนตรี กีฬา ศิลปะ เพื่อให้เด็กเกิดความภาคภูมิใจในตนเอง
ดาวซินโดม
เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของสารพันธุกรรมที่เป็นมาแต่กำเนิด เด็กมักเกิดจากพ่อและแม่ที่ปกติ เด็กจะมีสารพันธุกรรมของโครโมโซมแท่งที่ 21 เกินมา อาการแสดงหลักคือ ปัญญาอ่อน มีโรคหัวใจพิการ และอายุสั้นการดูแลรักษาเด็กที่เป็น กลุ่มอาการดาวน์ เนื่องจากเป็นโรคของพันธุกรรม จึงไม่มียารักษาได้นอกจากจะไม่ให้เด็กเกิดออกมา แต่เมื่อเด็กเกิดออกมาแล้ว การดูแลเด็กเหล่านี้จะต้องอาศัยความร่วมมือจากพ่อแม่ และสังคมรอบข้างร่วมกัน เพื่อให้เด็กเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่สามารถช่วยเหลือตนเองได้มากที่สุด                                           
 สมาธิสั้น
โรคสมาธิสั้นสมัยก่อนเรียกว่า  ออทีสซึม หรือ ความผิดปกติของความใส่ใจไม่สามารถสร้างปฏิสัมพันธ์ต่อคนรอบข้างได้ เป็นโรคที่เกิดขึ้นในวัยเด็กไปจนถึงเสียชีวิต  มีอาการคือไม่สามารถทำให้เกิดสัมพันธภาพทางสังคมที่ดีได้  ดังนั้นจึงมักจะมีปัญหาในวัยเรียน ทั้งทางเพื่อน ความเคารพครูอาจารย์ จะไม่เข้าใจว่าต้องมีความเคารพ  จะไม่สามารถแสดงความรักความเกลียดได้ แต่บางครั้งแสดงอาการอย่างคาดไม่ถึง  โรคนี้พูดอีกในว่าภาวะความผิดปกติที่อยู่ในกลุ่มออทีสติกสาเหตุมาจากปัญหาทางพันธุกรรม ซึ่งสมองจะมีการทำงานผิดพลาด  ว่องไวเกินไป ความตอบสมองไม่เหมือนเดิม โดยจะมีสารพิษคั่งอยู่ในร่างกาย ซึ่งพันธุกรรมไม่สามารถคายสารพิษออกมาได้ ในทางการแพทย์ การแก้ไขทางสมองคือถ้ามีสารพิษ จะขับสารพิษออกจากสมอง  ถ้าสมองไวจะใช้ยาช่วย ถ้าช้ากว่าปกติ  จะใช้ยาหรือสารอาหารช่วย  เช่น ผู้ป่วยหลายรายจะสร้างพลังงานไม่พอ วัฏจักรการสร้างพลังงานจะติดขัด จึงต้องเพิ่มสารอาหารเข้าไปในร่างกาย  ส่วนด้านพฤติกรรมต้องอาศัยการรักษาจากความเข้าใจ  จากความอบอุ่นทางครอบครัวและสังคม สร้างมนุษยสัมพันธ์ที่ดี  เพราะหากความเครียดเกิดขึ้นมากจะมีการสร้างสิ่งใหม่ๆ ขึ้นมา 
สมองพิการ
สมองพิการ(Cerebral Palsy) หรือคำย่อที่นิยมเรียก คือ ซี พี (C.P.) ไม่ใช่เป็นโรคเฉพาะ แต่เป็นคำรวมของกลุ่มอาการของผู้ป่วยเด็กที่มีความพิการอย่างถาวรของสมอง ความพิการนี้จะคงที่และไม่ลุกลามต่อไป ซึ่งมีผลให้การประสานงานของการทำงานของกล้ามเนื้อบกพร่อง ส่งผลให้ร่างกายมีการเคลื่อนไหวและการทรงท่าที่ผิดปกติ เช่น การเกร็งของใบหน้า ลิ้น ลำตัว แขน ขา การทรงตัว การทรงท่าในขณะนั่ง ยืน เดิน ผิดปกติหรืออาจเดินไม่ได้ นอกจากนี้ อาจมีความผิดปกติในการทำงานของสมองด้านอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น มีความบกพร่องในการมองเห็น ได้ยิน การรับรู้ การเรียนรู้ สติปัญญา  และโรคลมชัก เป็นต้น
การรักษาแพทย์จะให้การรักษาตามลักษณะอาการที่พบ ส่วนมากจำเป็นต้องให้การรักษาทางกายภาพบำบัด กิจกรรมบำบัด การใช้อุปกรณ์ช่วยเดิน ฝึกพูด แก้ไขความผิดปกติเกี่ยวกับสายตาและการได้ยินส่วนยาที่ให้ จะเป็นยาที่ใช้ควบคุมอาการเกร็ง อาการสั่น อาการชัก ซึ่งมีให้เลือกอยู่หลายชนิด และจำเป็นต้องกินอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดี บางครั้งแพทย์อาจฉีดยาโบทูลิน (botulin) มีชื่อการค้า เช่น โบท็อกซ์ (Botox) เพื่อลดการแข็งตัวของกล้ามเนื้อ บางรายอาจต้องทำการผ่าตัดแก้ไขความพิการและภาวะแทรกซ้อนต่างๆ
...................................................................................................
หลังจากนั้นอาจารย์ให้นักศึกษาทำแบบทดสอบ Gesell Drawing Test

บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่9

วันที่ 2 มกราคม 2557

                 ไม่มีการเรียนการสอนเนื่องจาก เป็นวันหยุดขึ้นปีใหม่


บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่8

วันที่ 26 ธันวาคม 2556

               ไม่มีการเรียนการสอนเนื่องจาก เป็นวันกีฬาสีของบุคลากรมหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม


บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่7

วันที่ 19 ธันวาคม 2556
 

 ไม่มีการเรียนการสอนเนื่องจาก เป็นสัปดาห์สอบกลางภาค

บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่6

วันที่ 12 ธันวาคม 2556

พัฒนาการของเด็กที่มีความต้องการพิเศษ
เด็กที่มีพัฒนาการล่าช้ากว่าเด็กในวัยปกติ
อาจพบเพียงด้านใดด้านหนึ่งหรือหลายด้าน ทุกด้าน
อาจส่งผลให้พัฒนาการด้านอื่นล่าช้าตามไปด้วย
ปัจจัยที่มีผลต่อพัฒนาการของเด็ก
-ด้านชีวภาพ
-กล่อนคลอด
-กระบวนการคลอด
-หลังคลอด
สาเหตุที่ทำให้เกิดความบกพร่องทางพัฒนาการ
1.โรคทางพันธุกรรม
             มีพัฒนาการล่าช้ามาตั้งแต่เกิด หรือสังเกตได้จากหลังการคลอดได้ไม่นาน มักมีลักษณะผิดปกติแต่กำเนิดร่วมด้วย
2.โรคประสาท
            -เด็กที่มีพัฒนากาส่วนใหญ่มักมีอาการหรือการแสดงทางระบบประสาทร่วมด้วย
            -พบบ่อยคืออาการชัก
3.การติดเชื้อ
            -การติดเชื้อตั้งแต่อยู่ในครรภ์ น้ำหนักตัวแรกเกิดน้อย ศีรษะเล็กผิดปกติ อาจมีตับม้ามโต ต้อกระจก
            -ติดเชื้อรุนแรงภายหลังเกิด เช่น สมองอักเสบ
4.ความผิดปกติเกี่ยวกับเมตาบอลิซึม
            โรคนี้ยังเป็นปัญหาต่อระบบสาธารณะสุขของไทย
5.ภาวะแรกซ้อนระยะแรกเกิด
             การเกิดก่อนกำหนด น้ำหนักตัวแรกเกิดน้อย ภาวะขาดออกซิเจน
6.สารเคมี สารตะกั่ว
แอกอฮอร์
            -น้ำหนักน้อย
            -มีอัตตราเพิ่มน้ำหนักน้อย
            -พัฒนาการด้านสติปัญญาบกพร่อง
            -เด็กบกพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์
นิโคติน
              -ขาดสารอาหารในระยะตั้งครรภ์
              -เพิ่มอัตตราการตายในวัยทารก
               -สติปัญญาบกพร่อง
              -สมาธิสั้น ก้าวร้าว มีปัญหาการเข้าสังคม
7.การเลี้ยงดูที่ไม่เหมาะสม
                   -พัฒนาการล่าช้ามากกว่า1ด้าน
                   -ปฏิกิริยาสะท้อน
แนวทางการวินิจฉัยเด็กที่มีความบกพร่องทางพัฒนาการ
1.การซักประวัติ
การเจ็บป่วย โรคประจำตัว ประวัติการฝากครรภ์ เมื่อซักประวัติเสร็จแล้วจะบอกได้ว่า
-พัฒนาการล่าช้า คงที่ หรือถดถอย
-มีพัฒนาการล่าช้าหรือไม่
-มีข้อบ่งชี้ มีสาเหตุ
-สาเหตุความบกพร่องคืออะไร
2.ตรวจร่างกาย
3.การสืบค้นทางห้องปฏิบัติการ
-เป็นหน้าที่ของหมอ
4.ประเมินพัฒนาการ
-ประเมินแบบไม่เป็นทางการ เช่น การซักถาม
-การประเมินที่ใช้ในเวชปฏิบัติ
เช่น แบบทดสอบ Gesell Drawing Test แบบประเมินตามคู่มือ

บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่12

วันที่ 23 มกราคม 2556
เพื่อนนำเสนองานกลุ่มต่อจากคราวที่แล้ว

การรักษาเด็กออทิสติก
การรักษาสายพันธุกรรมให้แข็งแรงขึ้น การปรับคืนความสมดุลทางอารมณ์ ขจัดยา หรือ สารเคมีที่ปนเปื้อนในสมอง ร่วมสร้างทัศนคติของพ่อแม่เพื่อนำไปสู่การสร้างสายใยรักและความเข้าใจ  หลังจากได้รับการรักษาตาม 4 แนวทางข้างต้นแล้วเด็กจะได้รับการเสริมทักษะ และ เพิ่มประสบการณ์เรียนรู้เพื่อชดเชยการรับรู้ และการสื่อสารในช่วงที่สมองของเขาหยุดพัฒนา ความรักและความเข้าใจจากพ่อแม่ไปสู่ลูกคือกุญแจสำคัญ

....................................................................................
หลังจากนั้นอาจารย์ให้นักศึกษาสอบกลางภาค

บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่5

วันที่ 5 ธันวาคม 2556
ไม่มีการเรียนการสอนเนื่องจาก เป็นวันพ่อแห่งชาติ

บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่4

วันที่ 28 พฤศจิกายน 2556
ในสัปดาห์นี้ได้เรียนรู้เกี่ยวกับเด็กพิเศษที่ยังค้างอยู่อีก5ประเภท
เด็กที่มีความบกพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์
-เด็กที่ควบคุมอารมณ์ให้อยู่ปกตินานๆไม่ได้
-ควบคุมพฤติกรรมอารมณ์ไม่ได้
-ทำให้ไม่สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้
               แบ่งออกได้  2  ประเภท
-ได้รับผลกระทบกระเทือนทางอารมณ์
-เด็กที่ปรับเข้ากับสังคมไม่ได้
              พฤติกรรมที่เห็นชัดเจน
-วิตกกังวล
-หนีสังคม
-ก้าวร้าว
              การจะจัดว่าเด็กมีความบกพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์นั้นต้องคำนึงถึงองค์ประกอบดังนี้
-สภาพแวดล้อม
-ความคิดเห็นของแต่ละบุคคล
ผลกระทบ
-ไม่สามารถเรียนกับเด็กปกติได้
-รักษาความสัมพันธ์กับเพื่อนหรือครู
-มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม
-มีความคับข้องใจ
-แสดงอาการทางร่างกายเช่น ปวดหัว
-หวาดกลัว

เด็กสมาธิสั้น
-เรียกสั้นว่าADHD 
-ซนอยู่ไม่นิ่ง
-เด็กบางคนมีปัญหาเรื่องสมาธิบกพร่อง หุนหันพลันแล่นขาดการยับยั้งชั่งใจ แพทย์เรียกว่า ADD
ลักษณะของเด็กที่บกพร่องทางพฤติกรรม
-ปัสสวะราด
-ติดขวดนม หรือของใช้วัยทารก
-ดูดนิ้ว
-หงอยเหงาเศร้าซึม
-เรียกร้องความสนใจ
-อารมณ์หวั่นไหว
-อิจฉาริสยา
-ฝันกลางวัน
-พูดเพ้อเจ้อ
เด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้ (LD)                                                                                                              ลักษณะ
-มีปัญหาทางคณิต
-ปฏิบัติตามคำสั่งไม่ได้
-เล่าเรื่องไม่ได้
-มีปัญหาด้านการอ่าน
-ซุ่มซ่าม
-รับลูกบอลไม่ได้
-ติดกระดุมไม่ได้
-เอาแต่ใจ

เด็กออทิสติก
ลักษณะ
-อยู่ในโลกของตัวเอง
-ไม่เข้าไปหาใครเพื่อให้ปลอบใจ
-ไม่เข้าไปเล่นในกลุ่มเพื่อน
-ไม่ยอมพูด
-เคลื่อนไหวแบบซ้ำๆ
-ยึดติดวัตถุ
-ต่อต้านอารมณ์รุนแรง ไร้เหตุผล
-มีท่าทีเหมือนคนหูหนวก
-ใช้วิธีการสัมผัส และเรียนรู้สิ่งต่างๆที่ไม่เหมือนผู้อื่น
เด็กพิการซ้อน
ลักษณะ
-เด็กที่มีความบกพร่องมากกว่า1อย่าง
-เด็กที่ปัญญาอ่อนสูญเสียการได้ยิน 
-ทั้งหูหนวตาบอด 
-ปัญญาอ่อนที่ตาบอด
...............................................................................................................
หลังจากที่เรียนเสร็จแล้ว อาจารย์ให้ดู วีดีโอ เกี่ยวกับ ห้องเรียนแรกของเด็กพิเศษแล้วให้เขียนเป็นแผนผังความคิด(10คะแนน)