ยินดีต้อนรับ

คลิกที่รูป เพื่อเอาโค้ดรูปนี้ไปแปะ

เกี่ยวกับฉัน

บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่3

วันที่21 พฤศจิกายน 2556

              ในสัปดาห์นี้ได้เรียนเพิ่มเติมเกี่ยวกับเด็กพิเศษอีกสองประเภทคือ
 4.เด็กที่มีความบกพร่องทางร่างกายและสุขภาพ
-เด็กที่มีอวัยวะไม่สมส่วน
-อวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งหายไป
-มีปัญหาทางระบบประสาท
-มีความลำบากในการเคลื่อนไหว
จำแนกได้ออกเป็น ด้านร่างกาย และด้านสุขภาพ
ความบกพร่องทางร่างกาย
ซี.พี.
สาเหตุเกิดจาก เป็นอัมพาตเนื่องจากระบบประสาทสมองพิการ ถูกทำลายก่อนคลอดหรือหลังคลอด
การพูด การเคลื่อนไหวล่าช้าอาการ อัมพาตเกร็งของแขนขาครึ่งซีก อัมพาตลีลาการเคลื่อนไหวผิดปกติ สูญเสียการทรงตัว อัมพาตแบบผสม

กล้ามเนื้ออ่อนแรง
สาเหตุเกิดจาก เส้นประสาทสมองที่ควบคุมกล้ามเนื้อส่วนนั้นๆเสื่อมสลายตัว เดินไม่ได้ นั่งไม่ได้ นอนอยู่กับที่ มีความพิการซ้อนในระยะหลัง คือความจำแย่ลง สติปัญญาเสื่อม
โรคทางระบบกระดูกกล้ามเนื้อ
สาเหตุเกิดจาก  ระบบกระดูกกล้ามเนื้อพิการมาแต่กำเนิด เช่นเท้าปุก กระดูกข้อสะโพเคลื่อน อัมพาตครึ่งท่อน ระบบกระดูกกล้ามเนื้อพิการด้วยโรคติดเชื้อเช่น วัณโรค  กระดูกหัก ข้อเคลื่อน ข้ออักเสบ
โปลิโอ
-มีอาการกล้ามเนื้อลีบเล็ก แต่ไม่มีผลต่อสติปัญญา
-ยืนไม่ได้หรืออาจปรับสภาพให้เดินด้วยอุปกรณ์เสริม
ความบกพร่องทางสุขภาพ
โรคลมชัก
เป็นลักษณะอาการที่เกิดเนื่องจากความผิดปกติของสมอง
ลมบ้าหมู
เมื่อเกิดอาการชักจะทำให้หมดสติและหมดความรู้สึกในขณะชักกล้ามเนื้อเกร็งกัดฟัน กัดลิ้น
การชักในเวลาสั้นๆ
-เป็นอาการชักชั่วระยะสั้นๆ 5-10 วินาที
-เมื่อเกิดอาการชักเด็กจะหยุดชะงักในท่าก่อนชัก
-เด็กจะนั่งเฉยหรือตัวสั่นเล็กน้อย
การชักแบบรุนแรง
ส่งเสียง หมดความรู้สึก ล้มลงกล้ามเนื้อเกร็ง เกิดขึ้นราว2-5นาที จากนั้นจะหายและหลับ
ลักษณะของเด็กบกพร่องทางร่างกายและสุขภาพ
-มีปญหาเกี่ยวกับการทรงตัว -ท่าเดินคล้ายกรรไกร
-เดินขากระเผลก             -ไอเสียงแห้บ่อยๆ
-บ่นเจ็บหน้าอก ปวดหัว  -หน้าแดงง่าย หกล้มบ่อยเกินเหตุ
..........................................................................................

5.เด็กที่มีความบกพร่องทางการพูดและภาษา
-เด็กพูดไม่ชัด ออกเสียงผิดเพี้ยน อวัยวะที่ใช้ในการพูดไม่สามารถเป็นไปตามลำดับขั้น
1.ความผิดปกติด้านการออกเสียง
-ออกเสียงผิดเพี้ยนไปจากมาตรฐานของภาษาเดิม
-เอาอีกเสียงหนึ่งมาแทนอีกเสียงหนึ่ง
2.ความผิดปกติด้านจังหวะเวลาพูด
3.ความผิดปกติด้านเสียง
4.ความผิดปกติทางการพูดและภาษาอันเนื่องมาจากพยาธิที่สมอง

1.Motor aphasia คือ เด็กที่เข้าใจคำถามหรือคำสั่ง แต่พูดไม่ได้ ออกเสียงลำบาก
2. Wernicke's  aphasia คือ เด็กที่ไม่เข้าใจคำสั่ง ออกเสียงไม่ติดขัด แต่มักใช้คำผิด
3.Conduction aphasia คือ เด็กที่ออกเสียงไม่ติดขัด เข้าใจคำถามดี แต่พูดตามไม่ได้
4.Nominal  aphasia คือ เข้าใจคำถามดี ออกเสียงได้ พูดตามได้ แต่บอกชื่อวัตถุไม่ได้เพราะลืมชื่อ
5.Global  aphasia คือ ไม่เข้าใจทั้งภาษาพูดและภาษาเขียน พูดไม่ได้เลย
6.Sensory  aphasia คือ เด็กที่เขียนเองไม่ได้ เขียนตอบคำถามยังไม่ได้
7..Motor agraphia คือ เด็กที่เขียนตามคำบอกไม่ได้ ลอกตัวเขียน พิมพ์ไม่ได้
8.Cortical alexia คือ อ่านไม่ออกเพราะไม่เข้าใจภาษา
9..Motor  alexia คือ เห็นตัวเขียนหรือตัวพิพม์เข้าใจความหมาย แต่อ่านออกเสียงไม่ได้
10.Gerstmann's syndrome คือไม่รู้ชื่อนิ้ว ไม่รู้ภาษา คำนวณไม่ได้
11.Visual agnosia คือ เด็กที่มองวัตถุแต่ไม่รู้ว่าเป็นอะไร
12.Auditory  agnosia คือ ไม่มีความบกพร่องทางการได้ยิน หรือแปลความหมายของประโยคไม่ได้

ลักษณะของเด็กที่บกพร่องทางการพูดและภาษา
-ในวัยทารกมักเงียบผิดธรรมชาติ ร้องเบา
-ไม่อ้อแอ้ภายในอายุ10เดือน
-ไม่พูดภายในอายุ2ขวบ
-หลัง3ขวบภาษาพูดของเด็กก็ยังฟังเข้าใจยาก
-ออกเสียงตัวสะกดไม่ได้
-หลัง5ขวบเด็กยังคงใช้ภาษาที่เป็นประโยคไม่สมบูรณ์
-มีปัญหาในการสื่อความหมาย
-ใช้ท่าทางในการสื่อความหมาย

บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่2

วันที่14 พฤศจิกายน 2556
                การเข้าเรียนในสัปดาห์ที่2 อาจารย์ได้แจกแจงเรื่องของเกณฑ์การให้คะแนนใหม่อีกครั้งหนึ่งซึ่งได้ข้อสรุปดังนี้

       จิตพิสัย                      10คะแนน
       งานวิจัย                     10คะแนน
       งานกลุ่มนำเสนอ      10คะแนน
       บันทึกอนุทิน            20คะแนน
       โทรทัศน์ครู              10คะแนน
       สอบกลางภาค           15คะแนน
       สอบปลายภาค          15คะแนน

หลังจากนั้นอาจารย์ก็ได้ให้แบ่งกลุ่มกันเพื่อจับฉลากทำงานกลุ่ม กลุ่มของข้าพเจ้าได้เรื่องของ
"เด็กสมาธิสั้น"
 .........................................................................................
   อาจารย์ได้เริ่มสอนในเรื่องของ"เด็กพิเศษ"
ทางการแพทย์ เด็กพิเศษ หมายถึง เด็กที่มีความผิดปกติ มีความบกพร่อง สูญเสียสมรรถภาพ
 ทางการศึกษา เด็กพิเศษ หมายถึง เด็กที่ต้องได้รับการศึกษาเฉพาะส่วนบุคคลและเหมาะสมกับแต่ละบุคคล แต่ละบุคคลมีความแตกต่างกันจะต้องสอนต่างกัน

ประเภทของเด็กพิเศษ แบ่งเป็น 2กลุ่ม คือ
1.มีลักษณะทางความสามารถสูง คือ เด็กปัญญาเลิศ
2.มีลักษณะบกพร่อง ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการได้แบ่งเด็กที่มีความบกพร่องออกเป็น9ประเภท
-เด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา 
-เด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน 
-เด็กที่มีความบกพร่องทางการมองเห็น
-เด็กที่มีความบกพร่องทางร่างกายและสุขภาพ
-เด็กที่มีความบกพร่องการพูดและภาษา 
-เด็กที่มีความบกพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์
-เด็กที่มีความบกพร่องทางปัญหาทางการเรียนเรู้
-เด็กออทิสติก
-เด็กพิการซ้ำซ้อน

*รวมเด็กที่มีปัญญาเลิศ จะมีเด็กพิเศษทั้งสิ้น10ประเภท*

ซึ่งในครั้งนี้อาจารย์ได้อธิบายไว้3ประเภท คือ
1.เด็กที่บกพร่องทางสติปัญญา
IQ ต่ำกว่าเด็กที่มีอายุเท่ากัน
แบ่งออกเป็น เด็กเรียนช้า และ เด็กปัญญาอ่อน
2.เด็กที่บกพร่องทางการได้ยิน
สูญเสียการได้ยิน แต่สามารถใช้เครื่องช่วยรับฟังได้
แบ่งออกเป็น หูตึง และ หูหนวก
3.เด็กที่บกพร่องทางสายตา
-เด็กที่พอมองเห็นแสงเลือนลาง
-มีความบกพร่องทางสายตาทั้งสองข้าง
-สามารถมองเห็นได้ไม่ถึง1-10ของคนสายตาปกติ
-มีลานสายตากว้างไม่เกิน30องศา
แบ่งออกเป็น เด็กตาบอด และ เด็กตาบอดไม่สนิท




บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่1

วันที่6 พฤศจิกายน 2556

                   วันนี้เป็นการเข้าเรียนครั้งแรก อาจารย์ผู้สอนได้ ชี้แจงเรื่องของการเข้าเรียน เกณฑ์การให้คะแนน และเรื่องของการเรียนการสอนว่าจะนักศึกษาจะได้เรียนรู้อะไรบ้างจากในรายวิชานี้ และอาจารย์ได้ให้นักศึกษาทำแผนผังความคิดเกี่ยวกับเด็กพิเศษว่านักศึกษารู้อะไรบ้างเกี่ยวกับเด็กพิเศษโดยที่ห้ามลอกกัน ห้ามเปิดอินเตอร์เน็ต